จากกรณี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคไทยรักไทย และพวกอีก 5 คน ถูกกองปราบปรามจับกุมข้อหาพัวพันคดีอุ้มฆ่า เผานั่งยางพี่ชายผู้พิพากษา หรือนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ และฆาตกรรมนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ต่อมา พ.ต.ท.บรรยิน ได้วางแผนแหกคุก ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ต่อมาชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าสืบสวน เบื้องต้นพบอดีตผู้ต้องขังในเรือนจำเดียวกันเกี่ยวข้อง 2 คน คือนายสุธน ทองศิริ อายุ 42 ปี อ้างว่า พ.ต.ท.บรรยินลงทุนให้ทนายความมาประกันตัวออกจากเรือนจำไปดำเนินการตามแผน และนายณัฐพล นรการ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาอีกคนที่ได้ประกันตัวออกมาเป็นคนติดต่อประสานงานนอกคุกอีก 1 ทีม
ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การเป็น 2 แนวทางคือ วางแผนชิงตัวอุกอาจจากในคุก หรือระหว่างทางถูกคุมตัวไปขึ้นศาล และจับภรรยา ผบ.คุกเป็นตัวประกันต่อรองให้ปล่อยตัว พ.ต.ท.บรรยินจากเรือนจำ แต่แผนไม่สำเร็จ กองปราบปรามอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้อง
ต่อมาวันที่ 22 มิ.ย. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ได้เรียกชุดสืบสวนคลี่คลายคดีประชุมคณะทำงาน เพื่อสรุปประเด็นการแบ่งงานให้ทีมสืบสวนสืบหา และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี พร้อมกับหารือเกี่ยวกับการเตรียมออกหมายเรียกอดีต ส.ส.จังหวัดนครสวรรค์ คนสนิท พ.ต.ท.บรรยิน และทนายความที่ช่วยประกันตัวนายสุธน ทองศิริ มาให้ปากคำในฐานะพยาน เช่นเดียวกับพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำเร็วที่สุดภายในสัปดาห์หน้า เพราะคดีเป็นที่สนใจของประชาชน
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามยังเตรียมไปสอบปากคำ พ.ต.ท.บรรยินถึงในเรือนจำ หากให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นกังวล เพราะค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ข้อมูลการติดต่อสื่อสาร และคำให้การของนายสุธนและนายณัฐพล 2 ผู้ต้องหา นายสุธนยังยอมรับว่า แผนการชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน จะเกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่คุมตัวนั่งรถไปบนทางด่วน มุ่งหน้าศาลจังหวัดพระโขนง ถ้าชิงตัวไม่สำเร็จถึงจะให้ลักพาตัวภรรยา ผบ.เรือนจำแทน
ในวันเดียวกัน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อท.69/2563 คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา หากศาลเบิกตัว พ.ต.ท.บรรยินออกมาจากเรือนจำ กองปราบปรามจะส่งทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบ” ไปประกบคุมเข้มผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดมีเหตุร้ายแรงไม่คาดคิด เพื่อความไม่ประมาท
ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยของศาล นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า เตรียมส่วนแรกเจ้าพนักงานตำรวจศาล และ ส่วนที่ 2 ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอส่งกำลังมาดูแลความปลอดภัย ป้องกันเหตุร้าย หรือชิงตัวจำเลย และจะมาดูแลทุกนัดที่ พ.ต.ท.บรรยินมาขึ้นศาล อีกทั้งแผนรักษาความปลอดภัยต้องเป็นความลับ เพื่อไม่ให้ผู้ประสงค์ก่อเหตุทราบยุทธวิธี มีการประเมินสถานการณ์ตลอด มาตรการจะเป็นไปอย่างรัดกุม เพื่อให้ผู้พิพากษาสามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและอิสระ เป็นหน้าที่ของสำนักงานศาลยุติธรรม
ถึงแม้มีข่าว การแหกคุกหลบหนี ทางศาล จะยังเบิกตัวจำเลยที่ 1 พ.ต.ท.บรรยินออกจากเรือนจำกลางบางขวาง สถานที่ที่จำเลยถูกย้ายมาขังเดี่ยวหลังแผนแหกคุกไม่สำเร็จ ศาลยังเห็นสมควร ให้พิจารณาเป็นการลับให้โจทก์ พ.ต.ท.บรรยิน และทนายความจำเลยที่ 1-2 มาศาลอาญาคดี ทุจริตฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับเจ้าพนักงานคดี
ส่วนโจทก์ และจำเลยที่ 2-6 ได้แก่ นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี พร้อมด้วยทนายความมาศาลเพื่อตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับเจ้าพนักงานคดีวันที่ 25 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ห้ามไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ความเข้าห้อง พิจารณาเช่นกัน สำหรับสื่อมวลชนศาลอาญาคดีทุจริตฯ ไม่อนุญาตให้เข้าห้องพิจารณาคดี แต่จัดห้องรอฟังถ่ายทอดกระบวนพิจารณาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
เดือดจากไหน แค่เรียกกินหมูย่าง ถึงกับยกพวกเอามีดฟันหัว
เกิดเหตุอุกอาจทำร้ายร่างกายบริเวณ บริเวณปากซอย5 ถนนโชคสมาน5 ชุมชนโชคสมาน เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีหลักฐานเป็นคลิปขณะเกิดเหตุ โดยมีกลุ่มคนร้ายประมาณ 6 คน ขับมาพร้อมรถจักรยานยนต์และรถยนต์ นำโดยนายจิ้น ซึ่งได้ใช้อาวุธมีดสปาต้าปรี่เข้าไปฟันนายสุรเพชร อายุ 21 ปี อาชีพพ่อค้าขายหมู่ย่าง ซึ่งทั้งสองรู้จักกัน จนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ โดยแม่ของผู้บาดเจ็บซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ได้พยายามเข้าห้าม สุดท้ายนายจิ้น ผู้ก่อเหตุหนีไปโดยทำมือถือหล่นไว้ช่วงชุลมุน ขณะเดียวกันมือถือของนายสุรเพชร ก็ถูกอีกฝ่ายนำไปด้วย
นายสุรเพชรถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลล่าสุดอาการปลอดภัย โดยต้นสายปลายเหตุ จากการให้ปากคำของผู้บาดเจ็บระบุว่า ก่อนที่นายจิ้นจะยกพวกมารุม ตนนั่งดื่มเหล้าอยู่กับพี่ชาย 2 คน แล้วได้เรียกนายจิ้นให้มาร่วมมวงดื่ม พร้อมชักชวนกินหมูย่างว่า “มากินเหล้ากับกูนี่ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง หมูกูก็เหลือถ้างั้นมึงกับกูมาชกกันไหม” นายจิ้นคงได้ยินว่า “มึงกับกูมาชกกันดีกว่า” – ไทยรัฐออนไลน์
“มันมีข้อกฎหมายอยู่ อย่าไปทำเลย ขอให้ความมั่นใจว่าข้อมูลที่มา คนที่สอบสวนโรคไม่มีทางเอาไปใช้เพื่อความสนุกสนามของตัวเอง เขาทำตามหน้าที่ของเขา ถ้าไม่อยากให้ไทม์ไลน์ ก็เคารพกฎหมาย ที่ต้องถูกสอบสวนก็เพราะท่านไม่เคารพกฎหมาย” นายอนุทิน
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร